SAP กับ ERP ต่างกันอย่างไร
การมีเครื่องมือที่ช่วยบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กร ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ถือเป็นหัวใจสำคัญ หลายองค์กรจึงมองหาระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เข้ามาเป็นตัวช่วย แต่แล้วก็มักเกิดคำถามยอดนิยมขึ้นมาว่า SAP กับ ERP ต่างกันอย่างไร ซึ่งเป็นข้อสงสัยที่สร้างความสับสนให้กับหลาย ๆ คนไม่น้อย บทความนี้จะไขทุกข้อกระจ่างว่า SAP กับ ERP ต่างกันอย่างไร พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกระบบที่เหมาะสม
ERP กับ SAP ต่างกันอย่างไร?
ERP (Enterprise Resource Planning) คือชื่อเรียกของ "ประเภท" ซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับบริหารจัดการธุรกิจในภาพรวม โดยระบบจะทำหน้าที่รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกแผนกของบริษัท เช่น ฝ่ายขาย ระบบ ERP สำหรับบัญชี ระบบ ERP คลังสินค้า และฝ่ายบุคคล ให้มาอยู่ในที่เดียวกัน ส่วน SAP คือชื่อของบริษัทสัญชาติเยอรมัน ที่เป็นผู้พัฒนาและจำหน่ายซอฟต์แวร์ประเภท ERP ซึ่ง ERP กับ SAP ต่างกันอย่างไร? นั้น SAP เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่สร้างซอฟต์แวร์ประเภท ERP ขึ้นมาเพื่อขาย พูดง่าย ๆ ก็คือ ERP เป็นชนิดของสินค้า และ SAP เป็นชื่อยี่ห้อของสินค้านั้น
ตารางเปรียบเทียบSAP ERP vs. Local ERP
เราได้ทำตารางสรุปให้แล้วว่า ERP กับ SAP ต่างกันอย่างไร เพื่อช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้น
คุณสมบัติ | SAP ERP | Local ERP |
กลุ่มเป้าหมาย | องค์กรขนาดใหญ่ (Large Enterprise) ที่มีสาขาทั่วโลก | ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศ |
ต้นทุน | สูงมาก ทั้งค่าลิขสิทธิ์ ค่าติดตั้ง และค่าบำรุงรักษา | ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับงบประมาณของธุรกิจไทยมากกว่า |
การปรับแต่งระบบ | ซับซ้อน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และมีค่าใช้จ่ายสูง | ยืดหยุ่นสูง ปรับแต่งให้เข้ากับกระบวนการทำงานเฉพาะขององค์กรได้ง่ายกว่า |
การรองรับกฎหมายไทย | เป็นโมดูลที่ต้องตั้งค่าหรือพัฒนาเพิ่มเติม (Localization) | ออกแบบมาให้รองรับกฎหมายและข้อบังคับของไทยเป็นมาตรฐาน |
การบริการหลังการขาย | ผ่านพาร์ทเนอร์ อาจมีความล่าช้าในการสื่อสารและแก้ปัญหา | โดยตรงจากผู้พัฒนาคนไทย สื่อสารง่าย รวดเร็ว และเข้าใจปัญหาได้ดีกว่า |
ระยะเวลาในการติดตั้ง | ยาวนาน (อาจใช้เวลาเป็นปี) เนื่องจากความซับซ้อนของระบบ | สั้นกว่า สามารถเริ่มใช้งานระบบได้เร็วกว่า |
ข้อได้เปรียบของ ERP Local ที่เหนือกว่าสำหรับธุรกิจไทย
- เข้าใจในกฎระเบียบและข้อบังคับของไทย Local ERP ถูกสร้างและพัฒนาโดยทีมงานที่เข้าใจเรื่องภาษีและกฎหมายของไทย จึงถูกออกแบบมาให้พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องปรับแก้หรือพัฒนาเพิ่มเติมมากมาย ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและข้อผิดพลาดได้อย่างมหาศาล
- ให้การสนับสนุนและการบริการรวดเร็ว เข้าถึงง่าย การเลือก ERP Local ช่วยให้สื่อสารและการให้บริการ ทีมงานสนับสนุนเป็นคนไทย สื่อสารภาษาเดียวกัน ทำให้การแจ้งปัญหา การขอคำปรึกษา หรือการฝึกอบรมเป็นไปอย่างราบรื่นและเข้าใจง่าย
- ความยืดหยุ่นและต้นทุนที่จับต้องได้ โดยทั่วไปแล้ว Local ERP มีโครงสร้างราคาที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับขนาดของธุรกิจไทยมากกว่า
- ฟังก์ชันที่พัฒนามาเพื่อธุรกิจไทยโดยเฉพาะ รูปแบบการทำธุรกิจบางอย่างมีลักษณะเฉพาะตัวในประเทศไทย Local ERP มักจะเข้าใจและมีฟังก์ชันที่ออกแบบมารองรับกระบวนการเหล่านี้โดยเฉพาะ ทำให้การนำระบบไปใช้งานจริง (Go-live) ทำได้รวดเร็วกว่า และผู้ใช้งานสามารถปรับตัวเข้ากับระบบใหม่ได้ง่ายขึ้น เพราะมีกระบวนการทำงานที่สอดคล้องกับความคุ้นเคยเดิม
เปิด 4 ขั้นตอนสำคัญเลือกระบบ ERP อย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจ
หลังจากทำความเข้าใจแล้วว่า SAP กับ ERP ต่างกันอย่างไร และเห็นภาพรวมของตัวเลือกระบบ ERP ที่มีในตลาดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการคัดเลือกระบบที่เหมาะสมกับองค์กรของเราที่สุด ซึ่งกระบวนการตัดสินใจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของบริษัท เราจึงสรุป 4 ขั้นตอนสำคัญมาเป็นแนวทางดังนี้
ประเมินความต้องการและปัญหาขององค์กร
ก่อนจะมองหาซอฟต์แวร์ เราต้องเข้าใจปัญหาภายในองค์กรก่อน ขั้นตอนนี้คือการรวบรวมข้อมูลจากทุกแผนกเพื่อระบุว่ากระบวนการใดที่ขาดประสิทธิภาพ เกิดปัญหาที่ตรงไหน หรือข้อมูลส่วนใดที่ทำงานแยกส่วนกันอยู่ การทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริง จะช่วยให้เรากำหนดขอบเขตของฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับระบบ ERP ได้อย่างชัดเจนและไม่ลงทุนไปกับสิ่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
กำหนดขนาดและแผนการเติบโตในอนาคต
ระบบ ERP คือการลงทุนระยะยาว ดังนั้นเราต้องมองไปข้างหน้าและประเมินแผนการเติบโตของบริษัทด้วย ระบบที่เลือกต้องสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งาน ปริมาณธุรกรรม และความซับซ้อนของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้ การเลือกระบบที่พอดีกับปัจจุบันเกินไป อาจทำให้ต้องเปลี่ยนระบบใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทั้งเงินและเวลา
เปรียบเทียบคุณสมบัติและงบประมาณ
เปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละแห่ง โดยอิงจากความต้องการที่เรารวบรวมไว้ในขั้นตอนแรก พร้อมกับพิจารณางบประมาณโดยรวม ซึ่งไม่ได้มีแค่ค่าซอฟต์แวร์ แต่ยังรวมถึงค่าที่ปรึกษา ค่าติดตั้ง ค่าปรับแต่งระบบ ค่าฝึกอบรม และค่าบำรุงรักษารายปี เพื่อให้ได้ภาพรวมค่าใช้จ่ายที่แท้จริง
เลือกพาร์ทเนอร์ที่ปรึกษาและติดตั้ง
ซอฟต์แวร์จะดีแค่ไหนก็ไร้ค่าหากขาดผู้ติดตั้งที่มีประสบการณ์และความเข้าใจในธุรกิจของเรา การเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ และมีประวัติการทำงานที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเดียวกับเราจึงสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพาร์ทเนอร์ที่เป็น Local ย่อมมีความได้เปรียบในการสื่อสารและเข้าใจบริบทการทำงานของเราได้ดีกว่า
เลือก Local ERP เพื่อเข้าใจธุรกิจมากกว่า
การเลือกพาร์ทเนอร์ที่เป็น Local ERP คือการเลือกผู้ให้บริการที่ไม่ได้มองเราเป็นแค่ลูกค้า แต่เป็น "เพื่อนคู่คิดทางธุรกิจ" ตัวอย่างเช่น Dynamics Motion ที่เป็นผู้ให้บริการโซลูชัน ERP ชั้นนำของไทย เรามีความเข้าใจในความท้าทายและโอกาสของธุรกิจในประเทศ ทีมงานของเราไม่ได้เพียงแค่ติดตั้งซอฟต์แวร์ แต่ทำงานร่วมกับองค์กรเพื่อวิเคราะห์กระบวนการทำงานและออกแบบระบบให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีจะช่วยตอบโจทย์และขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างแท้จริง
สรุป
คำถามที่ว่า SAP กับ ERP ต่างกันอย่างไร มีคำตอบที่ชัดเจนว่า ERP คือประเภทของซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกิจ ส่วน SAP คือหนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ERP รายใหญ่ การตัดสินใจเลือกระหว่าง "ระบบ ERP ของ SAP" กับ "ระบบ ERP จากผู้พัฒนารายอื่น" เช่น Local ERP ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องความเข้าใจในธุรกิจไทย การบริการที่ใกล้ชิด และต้นทุนที่เหมาะสมกว่า การเลือกที่ดีที่สุดคือการพิจารณาจากความต้องการ งบประมาณ และแผนการเติบโตขององค์กรเป็นหลัก
? และจะเลือกระบบ ERP อย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบการ ที่สนใจสนใจระบบ ERP ทีม Dynamics Motion เราพร้อมออกแบบระบบที่มีความเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เพื่อยกระดับการจัดการธุรกิจของคุณอย่างลงตัว หรือสำหรับใครที่ต้องการใช้งานระบบ Odoo Dynamics Motion ยังเป็นพันธมิตร Odoo Partner ที่ได้รับการรับรองระดับโลกในด้านความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพในการติดตั้งระบบ ERP โดยได้รับการจัดอันดับเป็น Top 5 ในเอเชียอีกด้วย หากสนใจสามารถติดต่อได้ผ่านอีเมล sales@dynamics-motion.com หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมโทร 02-028-7495