EOQ การคำนวณเพื่อสั่งสินค้าได้อย่างเหมาะสม แก้ปัญหาต้นทุนจม
การบริหารจัดการสินค้าคงคลังถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการผลิตและการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เพราะการมีสินค้าคงคลังในปริมาณที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม การจัดการสินค้าคงคลังที่ไม่มีประสิทธิภาพอาจนำไปสู่ปัญหาต้นทุนจม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพคล่องและความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ ดังนั้น การใช้เครื่องมือในการคำนวณปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมอย่าง EOQ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่
EOQ คืออะไร
EOQ (Economic Order Quantity) คือ การคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละครั้ง โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างต้นทุนการสั่งซื้อและต้นทุนการเก็บรักษา เป้าหมายของ EOQ คือการหาจุดที่ทำให้ต้นทุนรวมต่ำที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการมีสินค้ามากเกินความจำเป็นหรือการขาดแคลนสินค้า
ความสำคัญของการคำนวณ EOQ ในธุรกิจ คลังสินค้าและโรงงาน
การคำนวณ EOQ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในด้านการจัดการสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ EOQ ยังช่วยในการวางแผนการผลิต การจัดซื้อวัตถุดิบ และการบริหารพื้นที่จัดเก็บได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนจมและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้
สูตรการคำนวณ EOQ
การคำนวณ EOQ ใช้สูตรพื้นฐาน ดังนี้
- EOQ = √(2DS/H)
- D คือ ปริมาณความต้องการสินค้าทั้งปี
- S คือ ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง
- H คือ ต้นทุนในการเก็บรักษาต่อหน่วยของทั้งปี
ตัวอย่างการคำนวณ EOQ
ตัวอย่างการคำนวณยกตัวอย่างเป็นบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์ ที่ต้องการคำนวณปริมาณการสั่งซื้อไม้ที่เหมาะสม โดยใช้ชุดข้อมูลในการคำนวณ ดังนี้
ตัวอย่างข้อมูล
- ความต้องการไม้ต่อปี (D) = 5,000 แผ่น
- ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อต่อครั้ง (S) = 500 บาท
- ต้นทุนการเก็บรักษาต่อแผ่นต่อปี (H) = 50 บาท
ตัวการการคำนวณ
EOQ = √(2 × 5,000 × 500 ÷ 50) = √100,000 = 316.23 แผ่น
ดังนั้น ปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมคือ 316 แผ่นต่อครั้ง
จำนวนครั้งในการสั่งซื้อต่อปี = 5,000 ÷ 316 = 15.82 ครั้ง หรือประมาณ 16 ครั้งต่อปี
ระยะเวลาระหว่างการสั่งซื้อ = 365 ÷ 16 = 22.81 วัน หรือประมาณ 23 วันต่อครั้ง
EOQ แม่นยำมากแค่ไหน
ความแม่นยำของการคำนวณตาม EOQ ขึ้นอยู่กับความถูกต้องของข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณ โดยเฉพาะตัวแปรหลักทั้งสามคือ ปริมาณความต้องการ ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ และต้นทุนการเก็บรักษา การประมาณการที่แม่นยำจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ในความเป็นจริง ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อาจส่งผลกระทบต่อความแม่นยำของการคำนวณได้
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ EOQ
ในการคำนวณและนำ EOQ ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการคำนวณ EOQ อย่างละเอียด เพราะแต่ละปัจจัยล้วนมีความสำคัญและส่งผลต่อความแม่นยำในการคำนวณทั้งสิ้น
Reorder Point
จุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point) เป็นระดับสินค้าคงคลังที่กำหนดไว้เพื่อส่งสัญญาณว่าถึงเวลาที่ต้องทำการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติม การกำหนด Reorder Point ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากกำหนดจุดสั่งซื้อสูงเกินไปอาจทำให้มีต้นทุนการจัดเก็บสูง แต่หากต่ำเกินไปก็อาจเสี่ยงต่อการขาดแคลนสินค้า การคำนวณ Reorder Point ที่เหมาะสมต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น Lead Time ในการสั่งซื้อ อัตราการใช้สินค้าต่อวัน และระดับ Safety Stock
Purchase order lead time
ระยะเวลารอสินค้า (Purchase Order Lead Time) เป็นช่วงเวลาทั้งหมดนับตั้งแต่เริ่มกระบวนการสั่งซื้อจนกระทั่งได้รับสินค้า ซึ่งประกอบด้วยหลายขั้นตอน เช่น การจัดเตรียมเอกสาร การอนุมัติ การผลิต การขนส่ง และการตรวจรับสินค้า Lead Time ที่แม่นยำจะช่วยให้การวางแผนการสั่งซื้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่สินค้ามาจากต่างประเทศหรือต้องผ่านกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
Purchasing cost per unit
ต้นทุนการจัดซื้อต่อหน่วย (Purchasing Cost per Unit) เป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับปริมาณการสั่งซื้อ ในการคำนวณ EOQ จำเป็นต้องพิจารณาทั้งราคาสินค้าพื้นฐาน ส่วนลดปริมาณ ค่าขนส่ง ภาษี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความผันผวนของราคาวัตถุดิบและอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจส่งผลต่อต้นทุนการจัดซื้อในอนาคตด้วย
Cost of Quality
ต้นทุนคุณภาพ (Cost of Quality) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาและควบคุมคุณภาพของสินค้า ซึ่งประกอบด้วยต้นทุนการป้องกัน (Prevention Cost) ต้นทุนการตรวจสอบ (Appraisal Cost) และต้นทุนความล้มเหลว (Failure Cost) แม้การคำนวณ EOQ จะไม่นำปัจจัยส่วนนี้มาคำนวณด้วย แต่ก็ต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้ระบบการผลิตมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Demand
อุปสงค์ (Demand) เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการคำนวณ EOQ ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องพิจารณาปริมาณความต้องการโดยรวม แต่ยังต้องวิเคราะห์รูปแบบความต้องการ เช่น ความต้องการตามฤดูกาล (Seasonal Demand) ความต้องการที่ไม่แน่นอน (Variable Demand) และแนวโน้มการเติบโตของตลาด การคาดการณ์ความต้องการที่แม่นยำจะช่วยให้การคำนวณ EOQ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประโยชน์ของการคำนวณ EOQ
การคำนวณ EOQ มีประโยชน์อย่างมากต่อการบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านการควบคุมต้นทุนและการบริหารสินค้าคงคลัง จุดประสงค์หลักของการหา EOQ คือการกำหนดปริมาณการสั่งซื้อวัสดุและสินค้าที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด เพื่อลดต้นทุนการสั่งซื้อ การขนส่ง ต้นทุนการจัดเก็บรักษา และต้นทุนจมอื่น ๆ
การใช้ EOQ ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการพื้นที่คลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการมีสินค้าคงคลังมากเกินไปหรือน้อยเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยในการวางแผนระบบการผลิตและการจัดซื้อวัตถุดิบได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบ ERP มีส่วนช่วยอย่างไรในการคำนวณ EOQ
การนำระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการคำนวณและติดตาม EOQ ระบบ ERP สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการขายและสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ คำนวณจุดสั่งซื้อที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ พร้อมจัดทำรายงานวิเคราะห์ประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง ติดตามต้นทุนการจัดเก็บ และประเมินประสิทธิภาพของการบริหารสต๊อก ทำให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น
ซึ่งที่ Dynamics Motion เรามีบริการระบบ Motion ERP ที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในยุคดิจิทัล ด้วยทีม Business Consulting Dynamics Motion Odoo Top 5 Partners in Asia ที่มีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ เราเข้าใจความท้าทายในการจัดการสินค้าคงคลังและการคำนวณ EOQ เป็นอย่างดี เราพร้อมช่วยวิเคราะห์และวางแผนระบบ ERP ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการวางระบบใหม่หรือต้องการปรับปรุงระบบเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมให้คำแนะนำที่ตรงจุดและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง หากสนใจสามารถติดต่อได้ผ่านอีเมล sales@dynamics-motion.com หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมโทร 02-028-7495